ขบวนการพิธีกรรมในประเทศของเราพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีผู้รับผิดชอบ มีคณะกรรมการเช่น คุณพ่อสำราญ วงศ์เสงี่ยม คุณพ่อไพศาล อานามวัฒน์ เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการ มีผลงานหนังสือพิธีกรรมการประชุมโครงการ ฯลฯ          2 ปีที่ผ่านมาเราคุ้นกับการปรับปรุงหนังสือบทประจำมิสซา โครงการ พิธีมิสซาบูชาของพระคุณเพื่อชีวิต และการสัมมนา ครบเครื่องเรื่องมิสซา (3 ครั้งแล้ว)          ทั้งนี้เพื่อให้ สัตบุรุษมีส่วนรวมในพิธีกรรมอย่างแข็งขัน และมีชีวิตชีวา ยิ่งขึ้น ตามเจตนาของสังคายนาวาติกันที่ 2 บรรดาผู้นำพระศาสนจักรเห็นพ้องให้ สัตบุรุษมีส่วนร่วมในพิธีกรรมมากขึ้น ด้วยการใช้ภาษาท้องถิ่น การประสานข่าวดีเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น บทเพลงศาสนา ผู้อ่านพระคัมภีร์ ผู้ช่วยพิธีกรรม การขับร้อง ฯลฯ          การที่สัตบุรุษไปร่วม พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ด้วยความเข้าใจความหมาย และมีว่านร่วมพิธีตามฐานะและบทบาทของแต่ละคน ทั้งพระสงฆ์ นักบวช ฆราวาสหญิงชาย ผู้ใหญ่เยาวชน และเด็กๆ มีวานทำให้พิธีกรรมมีชิวิตชีวาขึ้น มิใช่ปล่อยให้พระสงฆ์ หรือใครทำอยู่คนเดียว เช่น พระสงฆ์ทักทาย แต่สัตบุรุษไม่ค่อยต่อรับ ฯลฯ          บางสังฆมณฑลจึงมี การอบรมผู้อ่านพระคัมภีร์ ฝึกหัดการขับร้องเพลง อบรมผู้ช่วยมิสซา ส่งเสริมคริสตชนกลุ่มย่อย ฯลฯ นับเป็นสิงที่ดี ช่วยให้ชุมชนคริสตชนมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น          อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้จัดอบรมผู้อ่านพระคัมภีร์ และจัดฟื้นฟูจิตใจเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่มีการแต่งตั้งผู้อ่านพระคัมภีร์รุ่นแรก วันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990 เพื่อเป็นการอบรมต่อเนื่อง มีพิธีแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา 2  ปี และสามารถแต่งตั้งต่อเนื่อง          อันที่จริงหน้าที่การอ่านบทอ่านพระคัมภีร์ในพิธีกรรมเป็นของสามเณรผู้ศึกษาปรัชญาและเทววิทยาแล้ว 4-5 ปี จึงได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเป็นทางการ และมิได้มีความหมายแค่อ่านออกเสียงให้ถูกต้อง เข้าใจความหมายเท่านั้น ดังบทที่ประธานแต่งตั้งผู้อ่านที่กล่าวว่า “จงเชื่อสิ่งที่ลูกอ่าน สองสิ่งที่ลูกเชื่อ และปฏิบัติตามสิ่งที่ลูกสอน” หรือ “จงอ่านพระวาจาของพระเจ้าให้ดี จะได้มีอิทธพลล้ำลึกในใจมนุษย์”          คุณสมบัติของผู้สมัครรับการอบรม เป็นผู้อ่านพระคัมภีร์ คือ เป็นคาทอลิกที่ดีศรัทธา ได้รับศีลกำลังแล้ว มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถปฏิบัติหน้าที่อ่านพระคัมภีร์ได้สม่ำเสมอและได้รับการรับรองจากพระสงฆ์เจ้าอาวาส        แผนกพิธีกรรมและดนตรีศักดิ์สิทธิ์ฯ ในฝ่ายบุคลาภิบาลเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้สำหรับผู้อ่านพระคัมภีร์ทุกรุ่น จะมารับการฟื้นฟูจิตใจในเย็นวันที่ 15 พฤศจิกายน และวันที่ 22 – 23 พฤศจิกายน 2003 ศกนี้          สมเด็จพระสันตะปาปา ได้ใช้พระวาจา “จงแล่นเรือออกไปที่ลึก” (ลูกา 5:4) ในสหัสวรรษใหม่เพื่อให้เราไปลึกซึ้งขึ้นกับพระคัมภีร์ และชีวิตสังคมของเรา เพื่อสังคมจะมีสันติสุขมากขึ้น “จงอ่านพระวาจาของพระเจ้าให้ดี เพื่อจะได้มีอิทธิพลล้ำลึกในใจมนุษย์”